เบปปุทาวเวอร์ Beppu Tower เป็น 1 ใน 6 หอคอยพี่น้องในประเทศญี่ปุ่น

หอคอย เบปปุทาวเวอร์ เป็นหอคอยที่เก่าแก่เป็นอันดับที่ 3 และยังเป็น 1 ใน 6 หอคอยพี่น้องในประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย ซึ่งมีความสูงที่ไม่มากมายเมื่อเทียบกับหอสูงและจุดชมวิวที่อื่นๆ ตรงจุดชมวิวจะสูงจากพื้นดินเพียง 55 เมตร และความยาวรวมทั้งหมด 90 เมตร หอคอยเบปปุเป็นหนึ่งในหอคอยที่สร้างโดยไนโต ทะชู ผู้ออกแบบโตเกียวทาวเวอร์ ซัปโปโร่ทาวเวอร์ นาโกย่าทาวเวอร์ ซึ่งหอคอยเบปปุนั้นสร้างเสร็จเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 1957 (โชววะที่ 32) ครับ เราไปดูแต่ละชั้นกันบ้างดีกว่าครับว่ามีอะไรที่น่าสนใจบ้าง?
ชั้น 1 ชั้นล่างสุดของหอคอย จะมีเป็นร้านอาหาร 2 ร้านด้วยกันครับ
CREOLE CAFE
ร้านนี้เป็นทั้งร้านอาหาร คาเฟ่  และบาร์ อาหารจะเป็นสไตล์อิตาเลี่ยน แล้วถ้าใครมีหัวใจรักเสียงดนตรี ร้านนี้เขามักจะจัดการแสดงดนตรีสดบ่อยๆอีกด้วยครับ หรือจะแนวEDMสแครชแผ่นล่ะก็ ผมขอแนะนำร้านนี้เลยครับ
img2

เบปปุทาวเวอร์ 

เวลาทำการ : กลางวัน 11:00-14:30 เย็น 17:30-2:00
วันหยุด : วันพฤหัสบดี
Oita onsen-za Beppu honten
อาหารร้านนี้จะเป็นเบอร์เกอร์ที่ประกอบไปด้วยเนื้อสัตว์ ผัก และชีสเยิ้มๆ กับสมูทตี้ผลไม้ และที่เด็ดกว่านั้นคือ เรายังจะได้นั่งกินเบอร์เกอร์ไปพร้อมกับการแช่เท้าในน้ำ หรือ ออนเซนเท้านั้นเอง และยังจะได้เพลิดเพลินกับการเดินชมผลิตภัณฑ์ความสวยความงามต่างๆที่มีให้เลือกซื้อเลือกหามากมายเลยครับ
img1_3
เวลาทำการ :  วันธรรมดา 10:00-18:00 วันหยุดนักขัตฤกษ์ 10:00-19:00
วันหยุด : วันพุธ
ชั้นที่ 2 ประชาสัมพันธ์ที่คอยให้บริการลูกค้า
ชั้นที่ 4 ห้องคาราโอเกะ
ห้องคาราโอเกะที่ทุกคนจะได้เพลิดเพลินไปกับห้องหลากหลายรูปแบบอย่างห้องพร้อมเปลญวนหรือห้องพร้อมเวทีสำหรับจัดงานเลี้ยงที่รองรับได้มากกว่า 20 คน 
img4
ชั้นที่ 16 เลานจ์
เลานจ์สไตล์ดูหรูหราที่สามารถเพลิดเพลินไปกับการชมทิวทัศน์ Beppu city night และเครื่องดื่มมากมาย (ค่าบริการ 300 เยนและเครื่องดื่มตั้งแต่ 300 เยน~ ) ซึ่งหอชมวิวชั้นที่ 17 จะปิดทำการเวลา 4 ทุ่ม ถ้ารู้สึกว่ายังชมวิวไม่หนำใจล่ะก็มาต่อที่นี่ได้เลยเพราะเขาจะเปิดให้บริการจนถึงเวลาตี 1 เลยครับ
img5
ชั้นที่ 17 หอชมวิว
มาถึงชั้นที่ใครๆต่างก็รอคอย เพราะถ้าได้ขึ้นมาถึงข้างบนทั้งทีถ้าไม่ได้ชมวิวนี่เสียดายแย่เลย และแน่นอนว่าข้างบนนี้สามารถชมวิวได้แบบ 360 องศา มองเห็นตัวเมืองเบปปุ เมืองออนเซ็น และอ่าวเบปปุได้อีกด้วยครับ 
เวลาทำการ : 9:00-22:00
วันหยุด : วันพุธ และวันสิ้นปี
ค่าบริการ : ผู้ใหญ่(ม.ปลายขึ้นไป) 200 เยน
              　เด็ก(ประถมขึ้นไป) 100 เยน　ต่ำกว่าประถม ฟรี!
ถ้าใครได้มาที่เมืองโออิตะแล้ว ก็ลองขึ้นไปชมวิวเมืองและอ่าวที่หอคอยเบปปุได้นะครับ รับประกันความสวย บรรยากาศดี จนต้องอยากมาแล้วมาอีกอย่างแน่นอน!!!

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

แนะนำวิธีเข้าไปประเทศญี่ปุ่น เที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง ไม่อยากอย่างที่คิด

รูปภาพ
วันนี้ผมไม่ได้มาแนะนำสถานที่ท่อง เที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง แต่มาแนะการทางมา เที่ยวญี่ปุ่น   เชื่อว่าครั้งแรกคิดว่าหลายๆคนมีความกังวลว่าเมื่อไปถึงญี่ปุ่นแล้วจะต้องทำยังไงบ้าง จะผ่านด่านเข้าญี่ปุ่นได้หรือไม่ โดยเฉพาะเรื่องการกรอกข้อมูลหรือกรอกเอกสารข้อมูลก่อนเข้า  ประเทศญี่ปุ่น  ที่ดูจะวุ่นวายทีเดียวเชียว วันนี้จึงขอแนะนำวิธีการกรอกข้อมูลเข้าเมืองกัน ก่อนมา ประเทศญี่ปุ่น ก่อนอื่นสิ่งที่คุณควรเตรียมก่อนเข้าไป เที่ยวญี่ปุ่น ว่ามีอะไรบ้าง  1. จองตั๋วเครื่องบินไป-กลับ 2. มีใบจองห้องพักหรือโรงแรมทุกคืน(เบอร์โทรศัพท์ที่สามารถติดต่อได้ในญี่ปุ่น)/หรือหากพักกับเพื่อนหรือญาติก็ให้นำที่อยู่และเบอร์ของเพื่อนหรือญาติไปด้วย 3. แผนการท่องเที่ยวภาษาอังกฤษ（ถ้าเป็นภาษาญี่ปุ่นได้ยิ่งดี） นำเอกสารขั้นต้นเตรียมไว้เพื่อไปโชว์ให้กับทางตม.ในกรณีถูกถาม    เมื่อลงจากเครื่องแล้วก็เดินไปตามทางที่กำหนดไว้ แล้วไปรอเอากระเป๋า   หลังจากที่รับกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว จะเจอลานกว้างๆแบบนี้ เป็นด่านตรวจตม.   นักท่องเที่ยวต่างชาติให้เข้าตรงช่องซ้าย  ( ตรงช่องขวาเป็นช่องของคนญี่ปุ่น ) คราวนี้เรามาดูวิธ
อ่านเพิ่มเติม

ความต่าง ระหว่าง SAKE ( สาเก ) SOJU ( โซจู ) เหล้าเกาหลี และ SHOCHU ( โชวจู ) เหล้าญี่ปุ่น

รูปภาพ
ไป เที่ยวญึ่ปุ่น ก็มีโชวจู ทำไมมันเหมือนชื่อเหล้าเกาหลีเลยแล้วยังรสชาติคล้ายๆกัน มีหลายคนสงสัยไหมว่า SAKE ( สาเก ) SOJU ( โซจู ) เหล้าเกาหลี และ SHOCHU ( โชวจู ) เหล้าญี่ปุ่น มันแตกต่างกันยังไง อย่างที่รู้กันดีว่าวัฒนธรรมการดื่มของคนญี่ปุ่นโดยปกตินั้น นอกจากเบียร์แล้วก็ยังมี เหล้าสาเกและเหล้าโชจูญี่ปุ่น แต่ทั้งเหล้าสาเกและโชจู มีคนตอบได้ไหมว่ามันแตกต่างกันตรงไหน แน่นอนว่าถึงแม้ว่าจะแยกไม่ออกว่าแตกต่างกันยังไงก็ยังดื่มเพลินได้อยู่ดีใช่ไหมล่ะ ฮ่าๆ แต่วันนี้ไหนๆก็พูดมาถึงขนาดนี้แล้วเราจะพาทุกคนมาแยกความเหมือนและความต่างของเจ้าเหล้าสองตัวนี้ดีกว่า ความต่างอย่างแรก คือ กระบวนผลิต เหล้าสาเกญี่ปุ่น = ใช้การหมัก โชจู = ใช้วิธีการกลั่น ถ้าจะพูดถึงความแตกต่างที่ใหญ่ที่สุดก็คงจะเป็นข้อนี้ เป็นในส่วนของกระบวนการผลิต ซึ่งถ้าเป็นเหล้าสาเก จะใช้กระบวนผลิตเดียวกับเบียร์และไวน์ นั่นคือการหมัก แต่หากเป็นโชจูจะใช้กระบวนการผลิตเดียวกันกับ วิสกี้ วอสก้า และบรั่นดี นั่นคือวิถีการกลั่นนั่นเองค่ะ ความต่างอย่างต่อไปก็คือ ระดับแอลกอฮอล์ อย่างที่บอกไปว่าทั้งสาเกญี่ปุ่นและโชจูที่ต่างกันที่กระบวนการผลิ
อ่านเพิ่มเติม

ประวัติความเป็นมาของ ข้าวปั้น โอนิกิริ

รูปภาพ
สวัสดีครับวันนี้ ถ้าพูดถึง ไอดอล ญี่ปุ่น ในเมืองไทย คงไม่มีใครไม่รู้จัก วง BNK48 และมีเพลงที่ฮิตติดหูเป็น คุกกี้เสี่ยงทาย และมีท่าเต้นที่เต้นตามกันทั้งประเทศ คือท่า ปั้น ข้าวปั้น ( โอนิกิริ Onigiri ) ผมเองยังเผลอคล้อยตาม ไปกับแคปเชอร์ เลย เพื่อนๆรู้ไหมว่า ต้นกำหนดข้าวปั้น ( โอนิกิริ Onigiri ) มันมีต้นกำเนิดมาจากไหน วันนี้ผมจะมาไขความสงสัยกัน  ข้าวปั้น ( โอนิกิริ Onigiri )  ต้นกำเนิดข้าวปั้น ไม่ได้มีประวัติที่แน่ชัด แต่หลัก ฐานแน่ชัดใน ศตวรรษที่ 11 คุณ มุระซะกิ ชิกิบุ ( 紫式部 Murasaki Shikibu )ได้บันทึกลงสมุดของเธอ เกี่ยวการได้กินข้าวปั้น สมัยนั้น ญี่ปุ่น ยังไม่เรียกว่า โอนิกิริ แต่จะเรียกว่า Tonjiki ในสมัยก่อนมีสงคราม เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก การถนอมอาหารก็ยังไม่มี ก็เลยต้องพกข้าวปั้นไปเป็นเสบียงอาหาร และต่อมาสมัยคามาคุระ ได้เรียก โอนิกิริ ว่า quick meal เพราะวิธีการทำที่ง่ายและรวดเร็วมาก ทำให้ผลิตตามความต้องการของประชาชนได้ หลังช่วงต้นเอโดะก็จะเรียกว่า โอนิกิริ และต่อมา ข้าวปั้นเป็นที่นิยมมาก จึงเกิดการสร้างเครื่องปั้นข้าว ขึ้นมา เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการ และพัฒนาเครื่องจนมาถึงปั
อ่านเพิ่มเติม